เดือนแห่งความรักอย่างกุมภาพันธ์ ใครว่าเป็นเดือนของคนมีคู่หรือคนมีความรักเพียงอย่างเดียว จริง ๆ แล้วผมว่าสำหรับคนโสดก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นของพวกเขาเช่นกันนะครับ เพราะหลาย ๆ คนที่ครองตัวเป็นหนุ่มโสด สาวโสดกันมานานก็คงจะเริ่มเหงา ๆ และอยากมีคนรู้ใจให้มอบดอกไม้วาเลนไทน์กันสักที เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้พวกเขามองหาเนื้อคู่กัน ซึ่งสมัยนี้จะตามหาคนที่คุยกันถูกคอ นิสัยคลิกกันไม่ยากเลย เพราะยุคนี้โซเชียลได้นำพาให้คนสองคนมาเจอกันได้อย่างรวดเร็ว ทั้งแอปหาคู่ต่าง ๆ เอย เกมเอย หรือแม้กระทั่งสื่อโซเชียลที่ประกาศหาคู่อย่างแม่สื่อแม่ชักก็ตาม
สำหรับใครที่ลองมาหลายวิธี แต่ก็ยังไม่เจอคนที่ใช่สักที หนทางสุดท้ายที่ไม่ได้ด้วยเสน่ห์ ก็ต้องพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้เปิดทางในเรื่องเนื้อคู่แล้วล่ะครับ ซึ่งวันนี้ก็เป็นฤกษ์งามยามดีที่ผมจะมาแนะนำเทพเจ้าแห่งความรักที่ผมรู้จักและศรัทธามาโดยตลอด ซึ่งได้รวบรวมมาจากตลอดชีวิตที่ได้เดินทางไปทั่วสารทิศ จะมีที่ไหนบ้างนั้นตามไปดูกันเลยครับ
1. พระแม่อุมาเทวี ณ วัดแขก สีลม
สำหรับพระแม่อุมาเทวี ผมเชื่อว่าไม่มีคนไทยคนไหนไม่รู้จัก เพราะท่านขึ้นชื่อว่าเป็นเทวีแห่งอำนาจบารมีวาสนาอันสูงสุด และเป็นมารดาของทุกสรรพสิ่ง อีกทั้งท่านยังเป็นเทพสตรีทีมีรูปลักษณ์งาม แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีสันสดใส พร้อมเครื่องประดับอย่างทองคำที่เลอค่า และเป็นที่พึ่งทางใจให้แก่บรรดาผู้ที่ต้องการสมหวังในความรัก สมหวังในการครองเรือน หรือขอแม้กระทั่งให้ครอบครัวมีความสุข
ใครที่ต้องการเดินทางไปบูชาพระแม่อุมาเทวี อย่าลืมเตรียมพวกดอกไม้ที่มีโทนสีเหลืองและสีแดง เช่น ดอกกุหลาบ หรือดอกดาวเรืองนะครับ เพราะว่าดอกไม้เหล่านี้ถือเป็นดอกไม้ที่ท่านโปรดปรานมาก โดยสามารถหาซื้อได้ที่วัด หรือถ้ากลัวไม่ได้ดั่งใจ เลือกเองไม่ได้ ทำอย่างผมก็ได้ครับ โดยวิธีของผมคือสั่งช่อดอกไม้วาเลนไทน์จากร้านออนไลน์ ที่ผมสั่งเป็นประจำในช่วงนี้ เพราะมีดอกไม้สีแดงให้เลือกเยอะเป็นพิเศษ และนัดมาส่งสักที่ก่อนออกไปตระเวนไหว้พระไหว้เทพต่าง ๆ ในกรุงเทพทั้งวัน
คาถาบูชา พระแม่อุมาเทวี
บทสวดคาถาบูชาพระแม่อุมาเทวีนั้นค่อนข้างสั้น กระชับ สามารถท่องบูชาทุกวันเพื่อเสริมสิริมงคลในด้านต่าง ๆ ได้เลยนะครับ “โอม ปาระตี กาลีทุรคา ปิยังมะมะ ทุติยัมปิ ปาระตี กาลีทุระคาปิยังมะ”
2. พระพิฆเนศ ปางเสน่หา
เพื่อน ๆ อาจจะงงว่าพระพิฆเนศ ไม่ได้เป็นเทพแห่งการศึกษาหรือศิลปะเหรอ จะบอกว่าจริง ๆ แล้วพระพิฆเรศมีหลายปาง และอำนวยพรได้หลายด้านเลยนะครับ สำหรับขอพรด้านความรัก เราต้องขอพรกับพระพิฆเนศ ปางเสน่หา หรือปางที่ 8 ที่มีกายเป็นสีฟ้าเทาดั่งท้องฟ้า มี 6 กร (แขน) ซึ่งมีกรหนึ่งอุ้มศักดิชายาอยู่ที่ตักด้านซ้าย และพระกรอื่น ๆ ถือดอกบัว รวงข้าว พิณ ลูกทับทิม ลูกประคำ ใครที่บูชาหรือขอพรท่านจะช่วยให้ประสบความสำเร็จสมปรารถนาโดยเฉพาะเรื่องของความรัก
หากต้องการบูชาพระพิฆเนศ ปางเสน่ห์หา ให้เตรียมเครื่องบูชา 11 อย่างดังนี้ มะพร้าว นมวัว นมแพะ นมควาย น้ำสะอาด ขนม ปัจจัยตามกำลังศรัทธา ดอกไม้ ธูปเทียน ตะเกียงน้ำมัน ผลไม้ต่าง ๆ ซึ่งหากขาดอะไรไม่ต้องกังวลใจไป หาได้เท่าที่หาได้ก็พอนะครับ
คาถาบูชาพระพิฆเนศ ปางเสน่หา
“โอม ศรีอุจฉิษฏะ คณปติ ยะนะมะฮา” สามารถนำไปสวดบูชาและขอพรท่านได้ในทุกวันที่ต้องการ
3. พระกฤษณะและนางราธาเทวี ณ วัดเทพมณเฑียร
เทพสององค์นี้เพื่อน ๆ อาจไม่ค่อยคุ้นชื่อกันเท่าไหร่นัก เพราะท่านเป็นเทพของศาสนาฮินดูที่ขึ้นชื่อในเรื่องความรักเป็นอย่างมาก ว่ากันว่าองค์พระกฤษณะ คือ ร่างอวตารของพระนารายณ์ ที่เป็นทั้งนักรบและนักรัก เนื่องจากมีพระชายาหลายร้อยคน
ส่วนพระนางราธาเทวี คือ ร่างอวตารของพระนางลักษมีที่มักจะอวตารลงมาเป็นพระชายาอยู่เสมอ โดยมีเรื่องเล่าว่าทั้งสองเป็นคู่รักที่เจอกันระหว่างที่พระกฤษณะกำลังต่อสู้กับอสูรร้าย และกำลังหลบอยู่ที่ทุ่งเลี้ยงวัว ซึ่งตำนานได้เล่าอีกว่าแม้พระกฤษณะจะมีเมียมากแค่ไหน แต่คนที่อยู่ในใจท่านเสมอคือ พระนางราธาเทวี ที่เป็นภรรยาที่ซื่อสัตย์และรักพระกฤษณะอย่างสุดหัวใจ จึงเป็นเหตุที่ทำให้ผู้คนนับถือท่านทั้ง 2 โดยเฉพาะเรื่องความรัก
หากต้องการบูชาเทพทั้ง 2 องค์นี้ อย่าลืมเตรียมดอกมะลิ ดอกดาวเรือง ดอกกุหลาบ สาลี่ ส้มมาถวายท่านกันนะครับ ทั้งนี้มีข้อยกเว้นว่าห้ามนำเนื้อสัตว์หรือของคาวต่าง ๆ มาถวายเด็ดขาด
คาถาบูชาพระกฤษณะและนางราธาเทวี
“ ฮะเร กฤษณะ ฮะเร กฤษณะ กฤษณะ กฤษณะ ฮะเร ฮะเร ฮะเร รามะ รามะ ฮะเร ฮะเร ” สามารถนำไปสวดบูชาเป็นทำนองตามเพลง และขอพรท่านได้ในทุกวันที่ต้องการ
4. เย่ว์เซี่ยเหล่าเหริน ณ ทะเลสาบซีหู เมืองหังโจว ประเทศจีน
ถัดมากับเทพเจ้าประจำประเทศจีนกันบ้างกับ “เย่ว์เซี่ยเหล่าเหริน” หรือที่รู้จักกันในนามเทพเจ้าจันทราเวอร์ชั่นจีน ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นกามเทพนำพาให้เกิดความรักและแต่งงานกันในที่สุด เทพองค์นี้เป็นชายชราหน้าตาใจดีท่านหนึ่งที่จะถือสมุดบัญชีสมรสรัก ไม้เท้า และถุงผ้าใส่ด้ายแดงไว้เคียงกายเสมอ
ตำนานของท่านเย่ว์เซี่ยเหล่าเหรินที่รู้ล่วงหน้าว่าใครจะได้แต่งงานกับใครในอนาคตเป็นที่กล่าวขานเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อเรื่องราวถูกเผยแพร่ออกไปผู้คนต่างก็สวดภาวนาให้ชายชราผู้นี้ แต่ก็ไม่มีใครรู้จักชื่อหรือตัวตนที่แท้จริงของท่าน ได้แต่ขนานนามท่านว่า “ผู้เฒ่าแห่งดวงจันทร์” มาจนถึงปัจจุบัน
คนโสดคนไหนที่เดินทางไปเที่ยวประเทศจีน หรือเป็นคนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศจีน ณ ขณะนี้ห้ามพลาดที่จะไปขอพรท่านเชียวนะครับ เพราะชาวจีนเชื่อว่า หากเราผูกด้ายแดงไว้ที่ต้นวาสนา หรือเก็บพวกกิ่งไม้เล็ก ๆ ในศาลของท่านติดตัวจะทำให้พบเจอกับคู่แท้ที่เหมาะสม ส่วนคนที่มีคู่แล้วก็ไหว้ได้เช่นกัน เพราะท่านจะดลบันดาลให้ชีวิตคู่ราบรื่นนั่นเองครับ
5. เทพเจ้าหยุคโหลว หรือเทพเจ้าด้ายแดง ณ วัดหวังต้าเซียน ฮ่องกง
มาต่อกันที่ประเทศฮ่องกงกันบ้างกับ เทพเจ้าหยุคโหลว หรือเทพเจ้าด้ายแดง และอีกชื่อคือผู้เฒ่าแห่งดวงจันทร์ หลาย ๆ คนอาจสงสัยว่าทำไมเหมือนเทพเย่ว์เซี่ยเหล่าเหริน ประเทศจีนที่ผมได้เสนอไปก่อนหน้านี้เลย
จริง ๆ แล้วท่านคือองค์เดียวกันเลยครับเพื่อน ๆ เพียงแต่ละประเทศจะเรียกชื่อไม่เหมือนกันเท่านั้นเอง ซึ่งตามความเชื่อของชาวฮ่องกงนั้น พวกเขาเชื่อว่าเทพจะลงมายังโลกมนุษย์เพื่อผูกด้ายแดงแห่งดวงคู่รัก เมื่อคู่กันแล้วก็จะไม่คลาดกันนั่นเองครับ
6. พระนางจิรประภามหาเทวี ณ วัดโลกโมฬี จังหวัดเชียงใหม่
กลับมาที่ประเทศไทยกัน กับพระนางจิรประภามหาเทวี ที่วัดโมฬี วัดเก่าแก่เมืองหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งตำนานเล่าว่าพระนางได้ขึ้นครองราชย์เมืองเชียงใหม่ในปีพ.ศ. 2088-2089 ซึ่งถือเป็นช่วงที่ขุนนางมีอำนาจมากจนส่งผลให้เมืองเชียงใหม่อ่อนแอลง และกษัตริย์อยุธยาได้ยกทัพมาตีเชียงใหม่ในที่สุด
แต่ด้วยความที่พระนางจิรประภามหาเทวี เป็นคนที่รักและห่วงใยประชาชนของตนเองเป็นอย่างมาก ทำให้ท่านรักษาเอกราชบ้านเมืองไว้ได้โดยไม่เกิดความเสียหายหรือสูญเสียใด ๆ เลย เหตุนี้จึงทำให้ท่านได้รับการยกย่องว่าเป็น “เทพเจ้าแห่งความรัก” ของชาวเชียงใหม่นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
7. ศาลเจ้าโตเกียว ไดจินกุ ณ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
ใครมาโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นห้ามพลาดพลาด ศาลเจ้าโตเกียว ไดจินกุเด็ดขาด เพราะที่แห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นศาลเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นอันดับ 1 ของหนุ่มโสดสาวโสดชาวญี่ปุ่นที่มาขอพรเรื่องความรัก และเป็นศาลเจ้าแรกที่ทำพิธีแต่งงานตามนิกายชินโตของญี่ปุ่นอีกด้วยครับ
โดยศาลเจ้าญี่ปุ่นก็มีทริคบูชาและขอพรเช่นเดียวกับของไทยเลย ซึ่งสำหรับศาลเจ้าโตเกียว ไดจินกุนั้น ก่อนเดินเข้าเราจะต้องคำนับหน้าประตูทางเข้าก่อน แล้วค่อยล้างมือ จากนั้นเดินมาโค้งคำนับที่หน้าศาล พร้อมทำบุญเป็นจำนวนเงิน 5 เยน และโค้ง 2 ครั้ง ตบมือ 2 ครั้ง และโค้งอีก 1 ครั้งเป็นอันเสร็จพิธีครับ
8. ศาลเจ้าอิมาโดะ จินจะ (ศาลเจ้าแมวคู่) ณ อาซากุสะ ประเทศญี่ปุ่น
ยังคงวนเวียนอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นไม่ไปไหน กับศาลเจ้าอิมาโดะ จินจะ ซึ่งเดิมทีเป็นที่อยู่อาศัยของเทพอิซะนะงิ และอิซะนะมิ 2 เทพสามีภรรยา ที่ว่ากันมาการสมรสของทั้ง 2 ทำให้ประเทศญี่ปุ่นถือกำเนิดขึ้น จนทำให้ผู้คนยกย่องบูชาพวกเขาในฐานะเทพเจ้าของการสมรสและความรุ่งโรจน์ ใครที่อยากมีแฟน อยากเจอคนที่ใช่ แต่งงานมีครอบครัวที่ยืนยาวมาที่นี่เลย และที่นี่ยังถือเป็นต้นกำเนิดของแมวกวัก แห่งกรุงโตเกียว หรือแมวกวักเรียกเงินเรียกทองอย่างที่เรารู้จักกันอีกด้วยครับ
วิธีบูชาและขอพร เริ่มจากล้างมือให้สะอาด และโยนเหรียญ 5 เยนเพื่อทำการเสี่ยงทายเซียมซี จากนั้นเขียนแผ่นไม้และนำไปผูกเพื่อขอพรกับแมวกวักได้เลยครับ
9. เทพเย่ว์เหล่า ณ วัดหลงซาน เมืองไทเป ประเทศไต้หวัน
มาที่วัดหลงซาน ประเทศไต้หวันกันบ้างครับเพื่อน ๆ วัดแห่งนี้ถือเป็นวัดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงและผู้คนให้ความเคารพเป็นอย่างมาก เพราะภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าหลายองค์ด้วยกัน โดยเฉพาะเทพเย่ว์เหล่าหรือผู้เฒ่าจันทรา ที่เชื่อว่าเป็นเทพด้านความรัก
10. วัดเยี่ยไห่ชิง ณ ประเทศสิงคโปร์
ปิดท้ายด้วยวัดลัทธิเต๋าที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศสิงคโปร์ อย่างวัดเยี่ยไห่ชิง ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “The Love Temple” และมีผู้คนเดินทางมาขอพรเรื่องความรัก คู่ครองกันเป็นจำนวนมาก โดยวิธีการบูชาและขอพรของวัดแห่งนี้คือการนำด้ายสีแดงคล้องไว้ที่องค์เทพเพื่อขอพร
สำหรับใครที่เป็นหนุ่มโสด สาวโสด ไม่ว่าจะอยู่ในกรุงเทพหรือต่างประเทศ หากใครมีโอกาสอย่าลืมเดินทางไปไหว้พระขอพรกับเทพเจ้าแห่งความรักทั้ง 10 แห่งที่เราได้นำเสนอไปนะครับ รับรองว่าความรักของคุณจะสุขสมหวัง ได้เจอเนื้อคู่กันในเร็ววันแน่นอนครับ